การปลูกกะหล่ำปลี
การปลูกกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี สามารถแยกสายพันธุ์ ได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
กะหล่ำปลีธรรมดา มีความสำคัญและปลูกมากที่สุดในแง่ผัก บริโภค มีลักษณะหัวหลายแบบ ตั้งแต่หัวกลม หัวแหลมเป็นรูปหัวใจ จนถึงกลมแบนราบ มีสีเขียวจนถึงเขียวอ่อน เป็นพันธุ์ที่ทนร้อน อายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 50-60 วัน พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่พันธุ์ลูกผสมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ผสมเปิดอื่น ๆ อีกเช่น พันธุ์โคเปนเฮเกนมาร์เก็ต พันธุ์โกเดนเอเลอร์
กะหล่ำปลีแดง มีลักษณะหัวค่อนข้างกลม ใบสีแดงทับทิม ส่วนใหญ่มีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 90 วัน ต้องการอากาศหนาวเย็นพอสมควร เมื่อนำไปต้มน้ำจะมีสีแดงคล้ำ พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่พันธุ์รูบี้บอล รูบี้เพอเฟคชั่น
กะหล่ำปลีใบย่น มีลักษณะผิวใบหยิกย่นและเป็นคลื่นมากต้องการอากาศหนาวเย็นในการปลูก
การเตรียมดินปลูกกะหล่ำปลี
การปลูกกะหล่ำปลีแปลงเพาะกล้า เตรียมดินโดยการขุดไถให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาวตามความต้องการ ตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน แล้วคลุกด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ย่อยดินให้ละเอียดพอสมควร รดน้ำให้ชื้น แล้วทำการหว่านเมล็ดลงไป ควรพยายามหว่านเมล็ดให้กระจายบางๆ ถ้าต้องการปลูกเป็นแถวก็ควรจะทำร่องไว้ก่อนแล้วหว่านเมล็ดตามร่องที่เตรียม ไว้ คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งบาง ๆ เมื่อกล้าออกใบจริงประมาณ 1-2 ใบ ก็ทำการถอนแยกต้นที่แน่นหรืออ่อนแอทิ้ง
แปลงปลูก
กะหล่ำปลีที่นิยมปลูกในประเทศไทยเป็นพันธุ์เบา ระบบรากตื้น ควรเตรียมดินลึกประมาณ 18-20 เซนติเมตร ตากดิน 5-7 วัน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักให้มาก เพื่อปรับสภาพของดิน และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยเฉพาะในดินทรายและดินเหนียว จากนั้นย่อยผิวหน้าดินให้มีขนาดก้อนเล็กแต่ไม่ต้องละเอียดจนเกินไป ถ้าดินเป็นกรดควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินให้มีความเหมาะสมต่อการปลูก
การปลูกกะหล่ำปลีและการดูแลรักษา
การปลูกกะหล่ำปลี- เมื่อกล้ามีอายุได้ประมาณ 25-30 วัน จึงย้ายปลูกในแปลงปลูกที่เตรียมไว้ โดยให้มีระยะปลูก 30-40 x 30-40 เซนติเมตร การปลูกอาจปลูกเป็นแบบแถวเดียว หรือแถวคู่ก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของสวน
การใส่ปุ๋ย
กะหล่ำปลีเป็นพืชที่ต้องการธาตุไนโตรเจนและโปตัสเซียมสูง เพื่อใช้ในการสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ต้นถืช ปุ๋ยที่แนะนำให้ใช้คือ ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นขณะปลูก แล้วพรวนกลบลงในดิน ครั้งที่ 2 ใส่หลังจากกะหล่ำปลีมีอายุได้ 7-14 วัน และควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจน เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต หรือยูเรียควบคู่ไปด้วย ซึ่งการใส่ปุ๋ยนี้ก็แบ่งใส่ 2 ครั้งเช่นกันคือใส่เมื่อกะหล่ำปลีมีอายุได้ 20 วัน และเมื่ออายุได้ 40 วัน โดยการโรยข้างๆ ต้น
การให้น้ำ
ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยปล่อยไปตามร่องระหว่างแปลงประมาณ 7-10 วัน/ครั้ง ในเขตร้อนและแห้งแล้งจำเป็นต้องให้น้ำมากขึ้นและเมื่อกะหล่ำปลีเข้าปลีเต็ม ที่แล้วควรลดปริมาณน้ำให้น้อยลง เพราะหากกะหล่ำปลีได้รับน้ำมากเกินไปจะทำให้ปลีแตกได้
การพรวนดินและกำจัดวัชพืช
ในระยะแรก ๆ ควรปฏิบัติบ่อย ๆ เพราะวัชพืชจะเป็นตัวแย่งอาหารในดินรวมทั้งเป็นที่อาศัยของโรคและแมลงอีก ด้วย
การเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
การปลูกกะหล่ำปลีอายุ การเก็บเกี่ยวของกะหล่ำปลีตั้งแต่ปลูกจนถึงวันเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับลักษณะ ของแต่ละพันธุ์ สำหรับพันธุ์เบาที่นิยมปลูกจะมีอายุประมาณ 50-60 วัน แต่พันธุ์หนักมีอายุถึง 120 วัน การเก็บควรเลือกหัวที่ห่อหัวแน่นและมีขนาดพอเหมาะ กะหล่ำปลี 1หัวมีน้ำหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม หากปล่อยไว้นานหัวจะหลวมลง ทำให้คุณภาพของหัวกะหล่ำปลีลดลง การเก็บควรใช้มีดตัดให้ใบนอกที่หุ้มหัวติดมาด้วยเพราะจะทำให้สามารถเก็บ รักษาได้ตลอดวัน เมื่อตัดและขนออกนอกแปลงแล้วให้ตัดแต่งใบนอกออกเหลือเพียง 2-3 ใบ เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากการบรรจุและขนส่ง จากนั้นคัดแยกขนาด แล้วบรรจุถุง
http://www.kasetorganic.com/
คุณประโยชน์ของกะหล่ำปลี
1. ช่วยลดความอ้วน ล่าสุดมีงานวิจัยออกมาว่ากะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก ช่วยยับยั้งขัดขวางไม่ให้น้ำตาลและแป้งไปเป็นไขมันสะสมในร่างกาย จึงช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
2. เสริมสร้างภุมิคุ้มกัน ในกะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง ทำให้หวัดหายเร็ว ฟันและเหงือกแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ซึ่งการนึ่ง อบ หรือผัด จะช่วยคงคุณค่าสารอาหารในกะหล่ำไว้ได้ดีที่สุด
3. บำรุงกระดูกและฟัน กะหล่ำปลีอุดมไปด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งดีต่อรางกายในการเสริมสร้างกระดูกในเด็กและคนชรา
4. ลดความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ การรับประทานกะหล่ำปลีในแบบสุก หรือแบบดิบก็ได้ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ชายลงถึงร้อยละ 66 และหากทานกำหล่ำปลีปรุงสุก วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ก็จะช่วยป้องกันมะเร็งช่องท้องได้เช่นกัน
5. ช่วยย่อยอาหารและล้างพิษ เนื่องจากในกำหล่ำปลีมีใยอาหารอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ จึงช่วยย่อยอาหาร ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. ทำให้นอนหลับสบาย สารซัลเฟอร์ในกำหล่ำปลีมีสรรพคุณช่วยระงับประสาท ทำให้รุ้สึกผ่อนคลายความตึงเครียด จึงทำให้นอนหลับดีขึ้น วิธีรับประทานคือ การนำกะหล่ำปลีไปคั้นสด ๆ แล้วดื่ม
7. รักษาแผลในกระเพาะอาหาร กะหล่ำปลีมีสารต้านการอักเสบของแผลในกระเพาะและลำไส้ตามธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นเซลล์เยื่อบุกระเพาะและลำไส้ให้สร้างน้ำคัดหลั่งเคลือบผิวทางเดินอาหาร จึงป้องกันไม่ให้เิกิดแผลจากกรดในกระเพาะอาหารได้
8. บรรเทาอาการปวดตึงคัดเต้านม การนำกะหล่ำปลีมาประคบเต้านมโดยลอกกะหล่ำปลีออกเป็นใบ แล้วนำมาประคบที่เต้านมข้างละใบ ใช้ผ้าพันทิ้งไว้ 20 นาที โดยไม่ต้องนวดคลึงอาการปวดบวมคัดตึงจะหายไป
No comments:
Post a Comment