การปลูกมะเขือม่วง
มะเขือม่วง เป็นพืชผักที่ดูมีอนาคตเอามากๆ สำหรับเกษตรกร ซึ่งก็เนื่องมาจากมะเขือม่วงเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่าย ให้ผลผลิตดี เก็บเกี่ยวได้นาน โรคและศัตรูมีน้อย ทั้งยังทนแล้ง สามารถปลูกได้ตลอดปี แถมยังขายส่งออกไปยังต่างประเทศได้อีกต่างหาก ซึ่งที่เรากล่าวมาทั้งหมดก็นับว่าเป็นสิ่งที่เกษตรกรทั้งหลายต้องการทั้งสิ้น ทำเลที่เหมาะในการ ส่วนทำเลที่เหมาะในการปลูกมะเขือม่วงควรมีความสูงอยู่ที่ระดับ 500-800 เมตร
วิธีการปลูกมะเขือม่วง
ทำได้โดยก่อนที่จะทำการปลูกต้องเตรียมแปลงเพาะกล้าซะก่อนโดยทำการขุดดินให้ลึก 15-20 เซนติเมตร (1 หน้าจอบ) จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วลงไปในแปลง พรวนดินคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทำการย่อยหน้าดินให้ละเอียด ยกเป็นแปลง ตามขนาดและตามความต้องการ ปรับหน้าดินให้เรียบ หลังจากนั้นหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายทั่วแปลง แล้วหว่านกลบด้วย ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษากล้านาน 25-30 วัน เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก
ส่วนการเตรียมแปลงปลูกนั้น ต้องทำการไถดะให้หน้าดินลึก 30-40 เซนติเมตร ตากหน้าดินไว้ 7-10 วัน ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กิโลกรัม/ไร่ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม/ไร่ คลุกเคล้าในแปลงยกร่องสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ความกว้าง 120 เซนติเมตร ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 70-80 เซนติเมตร ระหว่างแถว 90-100 เซนติเมตร ต่อจากนั้นนำกล้ามะเขืออายุ 35 วัน หรือมีใบจริง 3-4 ใบ มาปลูกลงหลุมที่กำหนด กลบดินแล้วรดน้ำ เมื่อมะเขือยาวลูกผสมเริ่มติดดอกติดผลควรใช้ไม้ปักหลักและผูกค้ำกิ่ง เพื่อป้องกันผลมะเขือยาวสัมผัสกับพื้นดิน โดยอายุการเก็บเกี่ยวของมะเขือยาวจะอยู่ที่ประมาณ 60-80 เซนติเมตร หลังย้ายกล้าลงปลูกสามารถเก็บได้ ให้เลือกเก็บผลที่มีขนาดพอเหมาะตามความต้องการของตลาดหลังจากดอกบาน 7-10 วัน จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ การเก็บเกี่ยวควรให้มีขั้วติดมากับผลด้วยมะเขือยาวจะให้ผลผลิตประมาณ 5,000-7,000 กิโลกรัม/ไร่
การดูแลรักษา
ในส่วนของการใส่ปุ๋ยต้องใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 13-13-21 อัตรา 1 ช้อนชา/ต้น ทุกๆ 15-20 วัน โรยห่างโคนต้น 5-10 เซนติเมตร บริเวณชายทรงพุ่ม หรือใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์น้อยลงก็ได้ ทางด้านการให้น้ำ ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน และการพรวนดินกำจัดวัชพืชนั้นหากหลังจากปลูกมีวัชพืชให้รีบกำจัดอย่าปล่อยให้รบกวน เพราะจะทำให้แย่งน้ำ แย่งอาหาร และควรพรวนดินไปด้วยเพื่อให้ดินร่วน
และด้วยความที่มะเขือม่วงเป็นผักที่ใช้กันแพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้มะเขือม่วงเป็นที่ต้องการของตลาด แถมมันยังเป็นพืชเพื่อสุขภาพที่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพหลายๆ คนหันมาบริโภคกันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้การปลูกมะเขือม่วงยังเป็นอาชีพที่รอให้เกษตรกรเข้ามาลงทุนเพื่อต่อยอดรายได้งามๆ ให้กับตัวเองนั่นเอง
มะเขือม่วงเป็นพืชผักที่มีประโยชน์เนื่องจากมีสารแอนโทไซยานิน
มะเขือม่วง เป็นพืชดั้งเดิมของอินเดีย ซึ่งปัจจุบันสามารถปลูกในประเทศไทยได้แล้ว โดยมะเขือม่วงเป็นพืชที่มีสารแอนโทไซยานินเช่นเดียวกับพืชผักชนิดอื่นที่มีสีม่วง เช่น กะหล่ำปลีสีม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ผลหม่อน ฯลฯ ซึ่งสารนี้ช่วยลดโอกาสการเป็นโรคมะเร็ง มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าวิตามินซีหลายเท่าตัว แถมช่วยเสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรค ช่วยสมานแผล และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เจ้าสารแอนโทไซยานินนี้ยังออกฤทธิ์ในทางขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็น โรคหัวใจ และการเป็นอัมพาต ดังนั้นการใส่มะเขือม่วงลงไปในอาหารต่างๆ จึงถือว่ามีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
No comments:
Post a Comment